เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลังระดับตำนานของลิเวอร์พูล และหนึ่งในนักวิเคราะห์ฟุตบอลของเกาะอังกฤษ ล่าสุดเขาได้ออกมาพูดถึง รูเบน อาโมริม ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกสของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างมหาศาลในถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ด โดยคาร์ราเกอร์เชื่อว่า “มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” ที่อาโมริมจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง
คำพูดดังกล่าวของคาร์ราเกอร์กลายเป็นประเด็นใหญ่ในวงการลูกหนังอังกฤษ เพราะเขาไม่ใช่เพียงอดีตนักเตะที่พูดเพื่อเรียกกระแส แต่เป็นคนที่มีวิจารณญาณสูงในเชิงแท็กติกและเข้าใจระบบฟุตบอลเป็นอย่างดี เขาเคยกล่าวว่า การแต่งตั้งอาโมริมมาคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็น “การเดิมพันที่กล้าหาญแต่เสี่ยงเกินไป” เพราะแม้จะมีชื่อเสียงจากการสร้างผลงานโดดเด่นกับสปอร์ติง ลิสบอน แต่การย้ายมาคุมทีมในพรีเมียร์ลีกคือการท้าทายที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งในแง่ความคาดหวังของแฟนบอล การจัดการภายในทีม และแรงกดดันจากสื่อ
คาร์ราเกอร์อธิบายว่า ระบบการเล่นที่อาโมริมนำมาใช้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้เข้ากับเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของสโมสร ซึ่งมีรากฐานจากฟุตบอลเกมรุกที่เน้นพลังและความเร็วของปีก การใช้ฟูลแบ็กเติมเกม และความหลากหลายในการเข้าทำ เขามองว่าระบบ 3-4-3 ที่อาโมริมถนัดนั้นเหมาะกับทีมที่เน้นการครองบอลในลีกโปรตุเกสมากกว่า แต่ในพรีเมียร์ลีกที่เกมเร็วและมีความแข็งแกร่งทางกายสูง ระบบดังกล่าวกลับกลายเป็นจุดอ่อนมากกว่าจุดแข็ง โดยเฉพาะเมื่อคู่แข่งอย่างลิเวอร์พูล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรืออาร์เซน่อล มีการเพรสซิ่งที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพกว่า
อดีตกองหลังลิเวอร์พูลยังเสริมว่า ปัญหาของอาโมริมไม่ได้อยู่เพียงในแท็กติก แต่รวมถึงการจัดการผู้เล่นและการสื่อสารในห้องแต่งตัวด้วย เขากล่าวว่า นักเตะหลายคนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเริ่มไม่มั่นใจในแนวทางของผู้จัดการทีม เนื่องจากผลลัพธ์ที่ออกมาไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง และสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนในผลงานของทีมในลีกที่ไม่คงเส้นคงวา การขาดแรงกระตุ้นในเกมใหญ่ รวมถึงการพ่ายแพ้ในแมตช์สำคัญอย่างน่าผิดหวัง ซึ่งทั้งหมดกลายเป็นแรงกดดันที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกสัปดาห์ ufabet เว็บตรงทางเข้า เล่นได้ทุกที่

คาร์ราเกอร์พูดตรงไปตรงมาว่า “อาโมริมเป็นโค้ชที่มีความสามารถ แต่สิ่งที่เขาพยายามสร้างขึ้นในแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันไม่เวิร์กเลยตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้น ความผิดพลาดไม่ได้อยู่ที่เขาคนเดียว เพราะบอร์ดบริหารของสโมสรก็มีส่วนในการตัดสินใจครั้งนี้ แต่ตอนนี้เมื่อทุกอย่างชัดเจนแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดคือการยุติบทบาทนี้อย่างรวดเร็วเพื่อปกป้องทั้งสองฝ่าย” เขายังเสริมว่า “ในวงการฟุตบอล การยอมรับความจริงเป็นสิ่งสำคัญ และในกรณีนี้ ความจริงคือการแยกทางอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน”
หากมองจากสถิติและผลงานของ อาโมริม กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็อาจกล่าวได้ว่าคำพูดของคาร์ราเกอร์ไม่เกินจริงเท่าไรนัก เพราะตั้งแต่เริ่มคุมทีม ผลงานของปีศาจแดงตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งในพรีเมียร์ลีกและฟุตบอลยุโรป เกมรับที่เคยเป็นจุดแข็งกลับกลายเป็นจุดอ่อน และเกมรุกที่ควรจะสร้างโอกาสได้มากกว่าก็กลับไร้ไอเดีย การครองบอลในแดนกลางดูช้าลง การเชื่อมเกมระหว่างแดนกลางและแดนหน้าไม่ลงตัว และที่สำคัญที่สุดคือขวัญกำลังใจของผู้เล่นที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากแท็กติกที่ไม่เข้ากับระบบของพรีเมียร์ลีกแล้ว คาร์ราเกอร์ยังมองว่าอาโมริมอาจขาด “อัตลักษณ์แห่งผู้นำ” ที่เข้ากับวัฒนธรรมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในอดีตสโมสรแห่งนี้มีผู้จัดการทีมอย่างเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งเป็นทั้งผู้นำและแรงบันดาลใจให้กับนักเตะ แต่ในยุคหลัง ยูไนเต็ดต้องเปลี่ยนกุนซือหลายคนติดต่อกัน ทั้งหลุยส์ ฟาน กัล, โชเซ่ มูรินโญ่, โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ และเอริก เทน ฮาก โดยไม่มีใครสามารถคืนความยิ่งใหญ่ให้ทีมได้อย่างแท้จริง การมาของอาโมริมจึงเป็นอีกหนึ่งความหวังที่กลายเป็นความผิดหวังในที่สุด ผ่าน ufabet บอลชุดออนไลน์ ราคาดีที่สุด
ในขณะเดียวกัน ภายในสโมสรเองก็เริ่มมีสัญญาณของความไม่พอใจ โดยมีรายงานว่าผู้บริหารระดับสูงบางส่วนเริ่มตั้งคำถามถึงทิศทางของทีมภายใต้การนำของอาโมริม เนื่องจากสโมสรได้ลงทุนมหาศาลในตลาดนักเตะเพื่อสร้างทีมที่แข่งขันได้ แต่ผลงานกลับสวนทางกับความคาดหวัง แฟนบอลหลายคนเริ่มหมดความอดทน โดยเฉพาะหลังจากความพ่ายแพ้ในเกมใหญ่ต่อทีมคู่แข่ง ทำให้เสียงเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ
คาร์ราเกอร์กล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ผมไม่ได้บอกว่าอาโมริมเป็นโค้ชที่ไม่ดี เขาเป็นคนมีความสามารถ แต่บางครั้งความสามารถก็ไม่เพียงพอหากมันไม่เหมาะกับสถานที่ที่คุณอยู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องการโค้ชที่เข้าใจสโมสร เข้าใจวัฒนธรรมของพรีเมียร์ลีก และเข้าใจวิธีการจัดการกับแรงกดดันในระดับสูงสุด ซึ่งตอนนี้อาโมริมยังทำไม่ได้”
สิ่งที่ทำให้สถานการณ์ของอาโมริมยิ่งยากขึ้นคือการขาดความเชื่อมั่นจากผู้เล่นภายในทีม รายงานหลายฉบับระบุว่า มีนักเตะบางคนเริ่มไม่พอใจกับแนวทางการฝึกซ้อมและคำสั่งทางแท็กติกของเขา ซึ่งถูกมองว่าเข้มงวดเกินไปและไม่เข้ากับจังหวะเกมแบบอังกฤษ ความสัมพันธ์ระหว่างโค้ชกับนักเตะบางคนเริ่มเย็นชา และนั่นยิ่งทำให้บรรยากาศภายในทีมตึงเครียดมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม อาโมริมยังคงยืนยันจะไม่เปลี่ยนแนวทาง เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์ล่าสุดว่า “ผมมีแผนของผม และผมจะยึดมั่นในสิ่งที่ผมเชื่อ ฟุตบอลไม่ใช่เรื่องของการเปลี่ยนทุกอย่างเพียงเพราะคุณแพ้สองสามเกม” คำพูดนี้ยิ่งกระตุ้นให้เกิดเสียงวิจารณ์หนักขึ้นจากแฟนบอลและสื่อ เพราะหลายคนมองว่านี่คือความดื้อรั้นที่อาจทำลายอนาคตของเขาเอง
การบริหารทีมของอาโมริมถูกเปรียบเทียบกับอดีตกุนซือหลายคนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เช่น โอเล่ กุนนาร์ โซลชา, ราล์ฟ รังนิค และเอริก เทน ฮาก ซึ่งต่างก็มีช่วงเวลาที่ดีและช่วงเวลาที่ล้มเหลวเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือ อาโมริมดูเหมือนจะไม่สามารถดึงศักยภาพสูงสุดของนักเตะในทีมออกมาได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่คาร์ราเกอร์เน้นย้ำว่า “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมีขุมกำลังที่ดีพอจะจบในพื้นที่ยุโรป แต่ตอนนี้พวกเขาดูเหมือนทีมที่ไม่มีทิศทาง”
ในแง่ของกลยุทธ์ คาร์ราเกอร์ยังกล่าวว่าความพยายามของอาโมริมในการเล่นเกมเพรสซิ่งสูงและการต่อบอลจากแดนหลังยังไม่สอดคล้องกับศักยภาพของผู้เล่นบางคน โดยเฉพาะแนวรับที่ยังขาดความมั่นใจในการครองบอลและมักพลาดในจังหวะสำคัญ เขามองว่านี่เป็นความเสี่ยงที่อาโมริมไม่สามารถควบคุมได้ “เขาพยายามจะเล่นฟุตบอลในแบบที่สปอร์ติงเคยเล่น แต่นี่คือพรีเมียร์ลีก มันไม่ใช่ลีกที่คุณสามารถทดลองระบบได้ในทุกเกม”
บรรดาผู้เชี่ยวชาญในอังกฤษหลายคนเห็นพ้องกับความเห็นของคาร์ราเกอร์ โดยระบุว่าการเปลี่ยนแปลงอาจเป็นสิ่งจำเป็นก่อนที่ฤดูกาลจะเลวร้ายไปมากกว่านี้ แฟนบอลเองก็เริ่มตั้งคำถามกับการบริหารของสโมสร โดยเฉพาะเมื่อการแต่งตั้งอาโมริมถูกมองว่าเป็นการตัดสินใจที่เสี่ยงตั้งแต่ต้น เนื่องจากเขาไม่เคยมีประสบการณ์ในลีกใหญ่อื่น ๆ มาก่อน การมาคุมทีมระดับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจึงเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ที่อาจล้มเหลวได้ง่าย
นอกจากมุมมองในสนามแล้ว สิ่งที่หลายฝ่ายให้ความสนใจคือผลกระทบทางจิตใจของทีม เมื่อทีมต้องอยู่ในสภาพที่ไม่ชนะต่อเนื่อง ความมั่นใจของนักเตะย่อมลดลง และแรงกดดันจากสื่อกับแฟนบอลก็ยิ่งทวีคูณ ซึ่งเป็นสิ่งที่อาโมริมต้องเผชิญทุกวันในช่วงนี้ คาร์ราเกอร์พูดถึงเรื่องนี้ว่า “ผมเห็นเขาในงานแถลงข่าว เขาดูเหนื่อย ดูเหมือนคนที่รู้ดีว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมันใกล้เข้ามา”
ในมุมของสื่ออังกฤษหลายสำนัก คำพูดของคาร์ราเกอร์ถูกมองว่าเป็น “คำเตือนเชิงวิพากษ์” ที่ตรงไปตรงมา เพราะเขาไม่ได้พูดเพื่อสร้างกระแส แต่พูดในฐานะคนที่เคยอยู่ในวงการและเข้าใจแรงกดดันในระดับสูงสุดเป็นอย่างดี เขาเองก็เคยอยู่ในทีมลิเวอร์พูลที่ต้องรับมือกับความคาดหวังจากแฟนบอลทั้งโลก และรู้ว่าการคุมทีมใหญ่ไม่ใช่แค่การวางแท็กติกให้ดี แต่ต้องจัดการกับอารมณ์ของทั้งทีมด้วย
สำหรับแฟนบอลที่ติดตามข่าวนี้ คำพูดของคาร์ราเกอร์เป็นเหมือนการสะท้อนสถานการณ์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปัจจุบันอย่างชัดเจน สโมสรที่เคยเป็นยักษ์ใหญ่ของยุโรปกำลังอยู่ในจุดที่ต้องตัดสินใจอีกครั้งว่าจะยืนหยัดกับแนวทางของอาโมริมหรือจะเปลี่ยนทิศทางไปสู่ยุคใหม่ การตัดสินใจครั้งนี้จะส่งผลต่ออนาคตของทีมอย่างแน่นอน และแน่นอนว่าแฟนบอลสามารถติดตามการวิเคราะห์และข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมได้จาก ทางเข้า ufabet ออโต้ เข้าเร็วไม่สะดุด ซึ่งนำเสนอข่าวและบทวิเคราะห์ฟุตบอลยุโรปอย่างครบถ้วน
ในด้านของตัวอาโมริมเอง เขายังคงได้รับการสนับสนุนจากนักเตะบางส่วนและแฟนบอลกลุ่มหนึ่งที่มองว่าเขาควรได้รับเวลาเพิ่มอีกเล็กน้อยเพื่อพิสูจน์ตัวเอง แต่ในโลกของฟุตบอลระดับสูง เวลาเป็นสิ่งที่หรูหรามาก โดยเฉพาะในสโมสรอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ความอดทนของบอร์ดบริหารและแฟนบอลมักหมดลงอย่างรวดเร็วหากผลลัพธ์ในสนามไม่ดี