Browse By

Monthly Archives: September 2025

มูรินโญ่ เห็นใจ บรูโน่ ลาช หลังโดนปลดจากตำแหน่งไป

โชเซ่ มูรินโญ่ ชื่อที่คอบอลทั่วโลกคุ้นเคยกันดีในฐานะกุนซือระดับตำนาน กลับมาสร้างความคึกคักให้วงการลูกหนังโปรตุเกสอีกครั้ง หลังจากรับงานคุมทีม เบนฟิก้า อย่างเป็นทางการ การย้ายกลับมาสู่บ้านเกิดของเขาไม่ใช่เพียงเรื่องของอาชีพ แต่ยังเป็นเรื่องของความผูกพันและความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับเส้นทางฟุตบอลที่เขาเริ่มต้นไว้นานแล้ว การเข้ามาของมูรินโญ่ถูกจับตามองอย่างมาก ไม่เพียงเพราะชื่อเสียงในอดีตกับการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สองสมัย หรือการพาเชลซี, อินเตอร์ มิลาน และเรอัล มาดริด สร้างยุคทอง แต่ยังเพราะว่าแฟนบอลเบนฟิก้าเชื่อว่า “เดอะ สเปเชียล วัน” จะเป็นคนที่พาทีมกลับไปยืนในจุดสูงสุดทั้งในลีกและเวทียุโรปอีกครั้ง หลังจากที่ทีมต้องพบกับความผิดหวังต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา บรรยากาศวันเปิดตัวเต็มไปด้วยความคึกคัก แฟนบอลหลายหมื่นคนแห่กันมาต้อนรับในสนามเอสตาดิโอ ดา ลุซ เสียงโห่ร้อง “มูรินโญ่” ก้องกังวานไปทั่วอัฒจันทร์ มันสะท้อนถึงความหวัง ความฝัน และพลังศรัทธาที่ถูกฝากไว้บนบ่าของกุนซือวัย 62 ปีรายนี้ อย่างไรก็ตาม การมาของมูรินโญ่ก็เป็นเหมือนการเปิดฉากบทใหม่ที่มาพร้อมการปิดฉากอีกบทหนึ่ง ซึ่งก็คือการจากไปของ บรูโน่ ลาช อดีตกุนซือผู้พาทีมผ่านช่วงเวลาที่ทั้งสวยงามและยากลำบาก โดยมูรินโญ่เองได้แสดงความเห็นใจอย่างเปิดเผยต่อเพื่อนร่วมอาชีพทันทีในวันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง

สื่อแสดงความเห็นใจ ฮอยลุนด์ หลังกลายเป็นนักเตะล่องหน

เมื่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้เปิดบ้านเอาชนะนาโปลี 2-0 ได้อย่างเหนือชั้น เกมนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงพลังอันแข็งแกร่งของทีมแชมป์เก่า สำหรับ ราสมุส ฮอยลุนด์ กองหน้าดาวรุ่งทีมชาติเดนมาร์กของนาโปลี ที่ถูกจับตามองว่าจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นความหวังใหม่ของทีมได้หรือไม่ ทว่าผลงานกลับตรงกันข้าม เมื่อเขาแทบไม่สามารถสร้างอิทธิพลใด ๆ ให้กับเกมจนถูกสื่ออิตาลีวิจารณ์ว่าเป็น “นักเตะล่องหน” สื่อแดนมะกะโรนีหลายสำนักกลับไม่ได้โจมตีเขาอย่างรุนแรง แต่เลือกที่จะ แสดงความเห็นใจ เพราะเข้าใจถึงความกดดันมหาศาลที่เจ้าตัวต้องเผชิญ ทั้งจากความคาดหวังของแฟนบอล การเจอกับกองหลังระดับโลกของแมนฯ ซิตี้ และระบบการเล่นของทีมที่ยังไม่เข้าที่นัก 2. ราสมุส ฮอยลุนด์: ความหวังใหม่ที่ยังต้องเรียนรู้ ฮอยลุนด์ถูกมองว่าเป็นกองหน้าที่มีอนาคตไกล เขาย้ายมาจากอตาลันต้าและสร้างชื่อในกัลโช่ เซเรีย อา ด้วยสไตล์การเล่นที่ผสมผสานระหว่างความเร็ว ความแข็งแกร่ง และสัญชาตญาณการจบสกอร์ แม้จะเพิ่งมีอายุเพียง 21 ปี แต่เขาถูกยกให้เป็นหนึ่งในกองหน้าที่น่าจับตามองที่สุดในยุโรป อย่างไรก็ตาม การเล่นในเกมใหญ่ระดับแชมเปี้ยนส์ ลีก คือบททดสอบที่โหดหินกว่าลีกในประเทศหลายเท่า เกมที่เจอกับแมนฯ ซิตี้แสดงให้เห็นว่า ฮอยลุนด์ยังต้องพัฒนาหลายด้าน

แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดศึกบิ๊กทีมยุโรป แย่งคว้า ดูซาน วลาโฮวิช

ตลาดซื้อขายนักเตะกำลังร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และหนึ่งในประเด็นใหญ่ที่แฟนบอลทั่วโลกจับตามองคือการแย่งชิงลายเซ็นของ ดูซาน วลาโฮวิช กองหน้าตัวเป้าทีมชาติเซอร์เบีย ที่กำลังค้าแข้งกับยูเวนตุสในกัลโช่ เซเรีย อา ล่าสุดมีรายงานจากสื่อต่างประเทศว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมเปิดศึกกับบรรดายักษ์ใหญ่แห่งสเปนทั้ง เรอัล มาดริด, แอตเลติโก มาดริด และบาร์เซโลน่า เพื่อคว้าตัวหัวหอกรายนี้ การแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่แค่การซื้อขายธรรมดา แต่สะท้อนถึงคุณค่าของวลาโฮวิชในฐานะกองหน้าระดับโลกวัยเพียง 24 ปี ที่ยังมีอนาคตยาวไกลและศักยภาพสูง การที่หลายสโมสรระดับท็อปสนใจแสดงให้เห็นว่าเขาอาจเป็นหนึ่งใน “จิ๊กซอว์” สำคัญที่จะยกระดับทีมใดทีมหนึ่งสู่ความสำเร็จในฤดูกาลหน้า 2. โปรไฟล์ของดูซาน วลาโฮวิช: กองหน้าดาวรุ่งพุ่งแรง วลาโฮวิชแจ้งเกิดในเวทียุโรปจากการเล่นให้ฟิออเรนติน่า ก่อนถูกยูเวนตุสดึงตัวไปร่วมทีมในปี 2022 ด้วยค่าตัวมหาศาล ผลงานการยิงประตูของเขาในกัลโช่ เซเรีย อา ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ถูกจับตามองมากที่สุด จุดเด่นของวลาโฮวิชคือ ความแข็งแกร่ง, การจบสกอร์ที่เฉียบคม และการยืนตำแหน่งที่ชาญฉลาด ด้วยส่วนสูงเกือบ 190

อัลนาสเซอร์ เล็งคว้ากาเซมีโร่ร่วมงานโด้

ตลาดซื้อขายนักเตะยังคงเต็มไปด้วยกระแสที่ทำให้แฟนบอลทั่วโลกจับตามอง หนึ่งในข่าวใหญ่ล่าสุดคือการที่ อัลนาสเซอร์ สโมสรดังจากซาอุดีอาระเบีย กำลังเล็งคว้าตัว คาเซมีโร่ มิดฟิลด์พันธุ์แกร่งชาวบราซิล มาร่วมงานกับคริสเตียโน่ โรนัลโด้ อดีตเพื่อนร่วมทีมเรอัล มาดริด ความเคลื่อนไหวนี้สร้างความตื่นเต้นทันที เนื่องจากมันหมายถึงการกลับมารวมตัวกันของสองนักเตะที่เคยสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกันในยุคทองของ “ราชันชุดขาว” ข่าวลือนี้เริ่มต้นจากสื่อหลายสำนักในยุโรปที่รายงานตรงกันว่า อัลนาสเซอร์พร้อมทุ่มงบมหาศาลเพื่อดึงตัวกองกลางตัวรับที่ยังคงเป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้รับการยอมรับว่าเล่นตำแหน่งนี้ได้ดีที่สุดในโลก หากดีลนี้เกิดขึ้นจริง ไม่เพียงแต่จะเป็นการเสริมทัพครั้งสำคัญของสโมสรซาอุฯ แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าฟุตบอลตะวันออกกลางกำลังเร่งยกระดับสู่เวทีโลก 2. คาเซมีโร่: กองกลางพันธุ์แกร่งที่ทุกทีมต้องการ คาเซมีโร่คือนักเตะที่สร้างชื่อเสียงจากการเล่นให้กับเรอัล มาดริด โดยเขาเป็นกำลังหลักของทีมในยุคที่คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้ต่อเนื่อง การอ่านเกม การเข้าสกัดที่เฉียบขาด และความสามารถในการคุมแดนกลางทำให้เขาได้รับฉายาว่า “กำแพงเหล็ก” ของทีม ทุกครั้งที่คู่แข่งพยายามโจมตีตรงกลางสนาม พวกเขามักต้องเจอกับความแข็งแกร่งและความดุดันของมิดฟิลด์รายนี้ แม้ปัจจุบันเขาย้ายไปเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ฟอร์มการเล่นยังคงแสดงถึงความเป็นผู้นำ คาเซมีโร่ไม่เพียงเป็นนักเตะที่ทำลายเกมคู่แข่ง แต่ยังมีบทบาทในการเริ่มต้นเกมรุกด้วยการจ่ายบอลที่แม่นยำ ประสบการณ์ในเวทียุโรปทำให้เขามีคุณค่ามหาศาลต่อทีมใดก็ตามที่ได้ตัวไปร่วมงาน การที่อัลนาสเซอร์แสดงความสนใจจึงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะนี่คือผู้เล่นที่จะยกระดับเกมรับและสร้างความมั่นใจให้กับทีมได้ทันที 3. การกลับมารวมตัวกับคริสเตียโน่ โรนัลโด้ สิ่งที่ทำให้ข่าวนี้น่าตื่นเต้นเป็นพิเศษคือความเป็นไปได้ที่คาเซมีโร่จะได้กลับมาร่วมงานกับคริสเตียโน่

แรชฟอร์ด สุดปลื้มหลังยิง 2 ประตูให้บาร์เซโลน่าบุกชนะนิวคาสเซิ่ล

ค่ำคืนที่สนามเซนต์ เจมส์ พาร์ค กลายเป็นเวทีที่มาร์คัส แรชฟอร์ด ประกาศศักดาในสีเสื้อบาร์เซโลน่าอย่างเต็มตัว เมื่อเขาทำคนเดียวสองประตูช่วยให้ทีมบุกมาเก็บชัยชนะเหนือเจ้าถิ่นนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-1 ผลงานครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความดีใจให้กับแฟนบอลบาร์ซ่าที่เฝ้าติดตาม แต่ยังเป็นการยืนยันว่าแรชฟอร์ดเลือกเส้นทางใหม่ได้ถูกต้อง การย้ายออกจากพรีเมียร์ลีกที่คุ้นเคยมาสู่ลาลีกาเต็มไปด้วยแรงกดดันและคำถามมากมาย ทว่าการโชว์ฟอร์มสุดร้อนแรงในเกมใหญ่แบบนี้คือการตอบแทนทุกความไว้วางใจ สำหรับแรชฟอร์ด นี่คือการปลดล็อกความมั่นใจหลังจากช่วงเวลาที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักในอังกฤษ ความสุขที่ได้ยิงประตูสำคัญในเวทียุโรปกับทีมใหม่จึงทำให้เขาเปิดใจยอมรับว่า “ผมปลื้มและภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตค้าแข้ง” เกมนี้จึงไม่ใช่เพียงสามแต้มธรรมดา แต่คือจุดเปลี่ยนที่อาจพลิกเส้นทางอาชีพของกองหน้าชาวอังกฤษไปอีกขั้น 2. สองประตูที่เปลี่ยนผลการแข่งขัน การยิงสองประตูในเกมเดียวของแรชฟอร์ดไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลจากความพยายามและสัญชาตญาณการจบสกอร์ที่เฉียบคม ประตูแรกเกิดขึ้นจากการวิ่งสอดไปในพื้นที่ว่าง ใช้ความเร็วและความแข็งแกร่งเอาชนะกองหลัง ก่อนซัดบอลผ่านมือนายทวารเจ้าถิ่นอย่างเฉียบขาด เสียงเชียร์ของแฟนบอลเจ้าบ้านถึงกับเงียบลงทันที ประตูที่สองเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญที่เกมกำลังตึงเครียด แรชฟอร์ดใช้การเคลื่อนที่อันชาญฉลาดตัดเข้าไปในเขตโทษ และจบสกอร์ด้วยความเยือกเย็น พาทีมขึ้นนำ 2-1 ก่อนจะรักษาผลการแข่งขันได้จนจบเกม การยิงสองประตูครั้งนี้ไม่เพียงเปลี่ยนผลการแข่งขัน แต่ยังทำให้บาร์เซโลน่ามีความมั่นใจเพิ่มขึ้นมหาศาล ขณะเดียวกันก็เป็นการตอกย้ำว่ากองหน้าคนนี้พร้อมแล้วสำหรับบทบาทคีย์แมนของทีม 3. ความรู้สึกและการให้สัมภาษณ์หลังเกม หลังเกม แรชฟอร์ดเผยรอยยิ้มที่ไม่อาจซ่อนความดีใจได้ เขากล่าวกับสื่อว่า “นี่คือค่ำคืนที่พิเศษที่สุดเกมหนึ่งในชีวิต ผมมีความสุขที่ช่วยทีมได้และหวังว่าจะทำให้แฟนบอลภูมิใจ” คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความกดดันที่เขาต้องเผชิญก่อนหน้านี้ และการได้พิสูจน์ตัวเองในเกมใหญ่คือการยกน้ำหนักก้อนใหญ่ที่แบกไว้บนบ่าลงไปในทันที

โฟเด้นยกย่อง ฮาแลนด์ นักทำลายสถิติ

ค่ำคืนที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม เต็มไปด้วยเสียงเชียร์กึกก้องจากแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อเออร์ลิง ฮาแลนด์ ยังคงทำในสิ่งที่เขาถนัดที่สุด นั่นคือการยิงประตูอย่างต่อเนื่อง และสร้างสถิติใหม่ที่ทำให้โลกฟุตบอลต้องหันมาจับตา ความสำเร็จครั้งนี้ไม่ได้รับการพูดถึงแค่ในหน้าสื่อ แต่ยังมาจากคำยกย่องของฟิล โฟเด้น เพื่อนร่วมทีมและเพื่อนสนิทในห้องแต่งตัว ที่ออกมายืนยันว่า “ฮาแลนด์คือนักทำลายสถิติที่แท้จริง” คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของดาวยิงนอร์เวย์ที่เพิ่งย้ายมาเมื่อไม่นานแต่สามารถสร้างชื่อเสียงได้อย่างรวดเร็ว การที่เพื่อนร่วมทีมอย่างโฟเด้นพูดถึงเขาในเชิงชื่นชมไม่ใช่แค่การให้กำลังใจ แต่เป็นการยอมรับในฝีเท้าที่หาตัวจับได้ยากของนักเตะคนนี้ ฮาแลนด์ไม่ได้เป็นเพียงผู้เล่นที่ยิงประตูมากมาย แต่เขายังเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเล่นของทีมให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น ความเฉียบคมในการจบสกอร์ทำให้คู่แข่งไม่สามารถประมาทได้แม้เพียงเสี้ยววินาที การยิงประตูต่อเนื่องจนสร้างสถิติใหม่จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์จากความมุ่งมั่นและพรสวรรค์อันมหาศาล 2. ฟิล โฟเด้นกับความสัมพันธ์ในสนามและนอกสนาม โฟเด้นและฮาแลนด์ไม่ได้เป็นแค่เพื่อนร่วมทีม แต่ยังมีสายสัมพันธ์พิเศษที่ทำให้ทั้งคู่เข้าใจกันได้อย่างลึกซึ้ง ในสนาม โฟเด้นมักเป็นคนที่ปั้นเกมหรือส่งบอลให้ฮาแลนด์เข้าทำประตู ความเข้าใจที่แทบไม่ต้องใช้คำพูดทำให้พวกเขากลายเป็นคู่หูที่อันตรายที่สุดคู่หนึ่งในพรีเมียร์ลีก นอกสนาม ทั้งคู่ยังสนิทกันในระดับเพื่อนสนิท โฟเด้นมักโพสต์ภาพและคลิปที่แสดงถึงความเป็นกันเองของเขากับฮาแลนด์บนโซเชียลมีเดีย ความสัมพันธ์เช่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มบรรยากาศในห้องแต่งตัว แต่ยังทำให้เกมการเล่นมีความไหลลื่นมากขึ้น การที่โฟเด้นออกมายกย่องเพื่อนร่วมทีมอย่างเปิดเผยจึงเป็นการตอกย้ำว่าพวกเขาคือกำลังสำคัญในการพาแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เดินหน้าล่าความสำเร็จ การเล่นเคียงข้างฮาแลนด์ยังทำให้โฟเด้นได้เรียนรู้การเล่นฟุตบอลในอีกมิติหนึ่ง เขายอมรับว่าการเห็นฮาแลนด์ซ้อมและมีวินัยทำให้เขาเองอยากพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ บทเรียนเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้นักเตะหนุ่มอังกฤษคนนี้ก้าวสู่ความเป็นผู้เล่นระดับแถวหน้าในยุคปัจจุบัน 3. ฮาแลนด์: นักทำลายสถิติแห่งยุคสมัย